ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus)

        เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ที่เป็นสาเหตุของการติดเชื้อทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง สามารถเกิดการติดเชื้อได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วมักเกิดในเด็กเล็กๆ ที่อายุต่ำกว่า 3 ปี สำหรับในประเทศไทยอาจพบการระบาดได้บ่อยในช่วงฤดูฝน หรือช่วงปลายฝนต้นหนาวสามารถติดต่อผ่านสารคัดหลั่งต่างๆ ในร่างกาย เช่น น้ำมูก น้ำลาย ละอองจากการไอ จาม โดยเฉพาะการติดต่อจากการสัมผัสระยะฟักตัวของโรคจะอยู่ที่ประมาณ 5 วัน โดยในช่วง 2-4 วันแรก มักมีอาการคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล เมื่อการดำเนินโรคมีมากขึ้น ส่งผลให้ทางเดินหายใจส่วนล่างมีการอักเสบตามมา ทำให้เกิดโรคหลอดลมอักเสบ กล่องเสียงอักเสบ และโรคปอดบวมหรือปอดอักเสบ ในบางรายเกิดอาการรุนแรง เช่น ไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงครืดคราด มีเสมหะในลำคอมากๆหากมีอาการไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส ไอจนอาเจียน หายใจเร็วหอบจนชายโครงหรืออกบุ๋ม หายใจออกลำบากหรือหายใจมีเสียงวี้ด (wheezing) รับประทานอาหารหรือนมได้น้อย ซึมลง ปากซีดเขียว เพราะผู้ป่วยที่มีอาการหนัก มีโอกาสเสียชีวิตเนื่องจากระบบทางเดินหายใจล้มเหลวได้สูง

วิธีการสังเกต

        อาการของโรคนี้เหมือนกับการเป็นไข้ปกติ แต่หากกินยาไปแล้วหลายวัน อาการไม่ดีขึ้น และยังพบว่ามีน้ำมูกมากผิดปกติ เกิดอาการไอจนอาเจียน จนนอนไม่ได้ ต้องรีบส่งตัวมารักษา ซึ่งเราจะเห็นอาการนี้หลังจากป่วยแล้ว 3 วัน ซึ่งหมอจะนำเชื้อจากจมูกหรือคอ ส่งตรวจที่ห้องปฏิบัติการ ก็จะทราบผล โดยแค่ครึ่งชั่วโมงก็ทราบผลในครึ่งชั่วโมง โดยจะต้องให้แอดมิต ให้น้ำเกลือ และยาขยายหลอดลม

อาการของการติดเชื้อไวรัส RSV

        โดยทั่วไปแล้ว สัญญาณและอาการที่บ่งชี้ว่าเกิดการติดเชื้อไวรัส RSV จะแสดงออกมาหลังจากการสัมผัสกับเชื้อประมาณ 4-6 วัน สำหรับผู้ใหญ่และเด็กโต สัญญาณและอาการที่แสดงออกมาหลังการติดเชื้อไวรัส RSV จะคล้ายอาการของโรคไข้หวัด
  • คัดจมูกหรือน้ำมูกไหล
  • ไอแห้ง
  • มีไข้ต่ำ
  • เจ็บคอ
  • ปวดหัวเล็กน้อย
  • อาการของการติดเชื้อรุนแรง

            ไวรัส RSV แพร่กระจายไปยังทางเดินหายใจส่วนล่างและทำให้เกิดโรคปอดบวมหรือโรคหลอดลมอักเสบได้ สัญญาณและอาการดังกล่าว ได้แก่
  • มีไข้ > 38 องศา
  • ไออย่างรุนแรง
  • หายใจมีเสียงหวีด
  • หายใจเร็ว หอบ หรือหายใจลำบาก
  • ตัวเขียวเนื่องจากขาดออกซิเจน
  • ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อไวรัส RSV

  • โรคปอดบวม
  • ภาวะติดเชื้อในหูส่วนกลาง
  • โรคหอบหืด
  • การรักษาการติดเชื้อไวรัส RSV

            ไวรัส RSV นั้นไม่มีวิธีการรักษาให้หายโดยตรงเช่นเดียวกับโรคไข้หวัด แต่คุณสามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยให้คนไข้ได้ ดังนี้
  • ให้คนไข้ดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ
  • หยอดน้ำเกลือ 2-3 หยดลงในรูจมูกเพื่อละลายน้ำมูกหรือเสมหะ จากนั้นใช้ที่บีบดูดน้ำมูกหรือเครื่องดูดน้ำมูกเพื่อนำน้ำมูกเหล่านั้นออกมา
  • ให้คนไข้สูดดมไอน้ำจากเครื่องทำไอระเหยเพื่อให้ทางเดินหายใจชุ่มชื้นและหายใจได้สะดวกขึ้น
  • ระวังไม่ให้คนไข้อยู่ใกล้ควันบุหรี่ สีที่ยังไม่แห้ง ควันจากไม้ฟืน หรือฝุ่นควันอื่นๆ
  • หากลูกของคุณอายุน้อยกว่า 3 เดือน คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนให้ยาพาราเซตามอลสำหรับทารกเพื่อบรรเทาอาการเจ็บป่วยของลูก หากลูกของคุณอายุ 6 เดือนขึ้นไป คุณสามารถให้ยาไอบูโพรเฟนหรือพาราเซตามอลสำหรับเด็กแก่ลูกของคุณได้ในปริมาณที่เหมาะสม
  • ไม่ควรซื้อยาแก้หวัดมาให้คนไข้รับประทานเอง ยกเว้นได้รับการอนุญาตจากแพทย์
  • การป้องกันการติดเชื้อไวรัส RSV

  • ล้างมือบ่อยๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัส
  • ทำความสะอาดสิ่งรอบตัว
  • ไม่ใช้ข้องใช้ เช่น แก้วน้ำจานชาม ร่วมกับผู้อื่น
  • ไม่สูบบุหรี่
  • ทำความสะอาดของเล่นอยู่เสมอ
  • ดูแลสุขภาพของตนเองอยู่เสมอ
  • ฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่