โรคพิษสุนัขบ้า หรือโรคกลัวน้ำ (Hydrophobia)

             จัดว่าเป็นโรคที่อยู่ใกล้ตัวเราอีกโรคหนึ่ง โดยเฉพาะเหล่าบรรดาผู้ที่รักสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมทั้งหลาย โดยมีสุนัขและแมวเป็นพาหะนำโรคอันดับต้น ๆ ของโรคนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งหากใครที่ติดเชื้อแล้วมักจะเสียชีวิตทุกราย ยังไม่มียารักษา มีเพียงการฉีดวัคซีนป้องกันเท่านั้น

สาเหตุของโรคพิษสุนัขบ้า

โดนสัตว์ที่เป็นโรคนี้กัด ข่วน หรือเลียบริเวณร่างกายที่มีบาดแผล รอยถลอก ทำให้เชื้อไวรัสเรบีส์ (Rabies) เข้าสู่บาดแผลบริเวณที่ถูกกัดโดยตรง

อาการที่พบในคน

สำหรับอาการของคนที่ได้รับเชื้อโรคพิษสุนัขบ้า ส่วนใหญ่มีอาการของสมองอักเสบ และไขสันหลังอักเสบ โดยอาการเริ่มแรกของผู้ป่วยจะมีไข้ต่ำๆ เจ็บคอ เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย ต่อมามีอาการคัน มักเริ่มจากบริเวณแผลที่ถูกกัด แสบๆ ร้อนๆ แล้วลามไปส่วนอื่น บางคนคันมากเกาจนกลายเป็นแผลอักเสบ ต่อมาจะกระสับกระส่าย กลัวแสงกลัวลม ไม่ชอบเสียงดัง เพ้อเจ้อ หลุกหลิก กระวนกระวาย หนาวสั่น ตามักเบิกโพลงบ่อยๆ บางครั้งเข้าใจผิดคิดว่าเป็นโรคทางจิต มีอาการกลืนลำบากโดยเฉพาะอย่างยิ่งของเหลว จะเกิดอาการปวดเกร็งทำให้ไม่อยากดื่มน้ำมีอาการกลัวน้ำ จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า โรคกลัวน้ำ ไม่อยากกลืนแม้กระทั่งน้ำลาย จึงทำให้น้ำลายไหล บางคนอาจปวดท้องน้อยและขา คนไข้เพศชายบางรายมีน้ำอสุจิไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว กล้ามเนื้อกระตุก แน่นหน้าอก หายใจไม่ออกหรืออาจชักเกร็ง อัมพาต หมดสติและตายในที่สุด

ข้อปฏิบัติเมื่อถูกกัด ข่วน หรือเลียดังนี้

1.ล้างแผลทันทีด้วยน้ำสะอาด ฟอกสบู่ 2-3 ครั้ง ถ้ามีเลือดออก ควรปล่อยให้เลือดไหลออก อย่าบีบหรือเค้นแผล เพราะจะทำให้เชื้อแพร่กระจายไปส่วนอื่น
2.ใส่ยา เช่น เบตาดีน ทิงเจอร์ไอโอดีน แอลกอฮอล์ 70% จะช่วยฆ่าเชื้อโรคได้
3.กักสัตว์ที่กัดไว้ดูอาการอย่างน้อย 15 วัน โดยให้น้ำและอาหารตามปกติ อย่าฆ่าสัตว์ให้ตายทันที เว้นแต่สัตว์นั้นดุร้าย กัดคนหรือสัตว์อื่น หรือไม่สามารถกักสัตว์ไว้ได้ ถ้าสัตว์หนีหายไปให้ถือว่าสัตว์นั้นเป็นโรคพิษสุนัขบ้า
4.รีบพบแพทย์ เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนและเซรุ่ม ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ไม่ควรรอดูอาการสุนัข เพราะอาจสายเกินไป
5.หากสุนัขตายให้นำซากมาตรวจหาเชื้อ หากสุนัขไม่ตายให้ขังไว้ดูอาการ แต่หากติดตามสัตว์ที่กัดไม่ได้ ต้องรีบมารับการฉีดวัคซีนโดยทันที